หมวดหมู่สินค้า
อร่อยทั่วไทย
ของรักไปรษณีย์ไทย
ขุมทรัพย์ของดี
นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
สินค้าดีฝีมือเด็ด
ของฮิตติดกระแส
ของดีตามฤดู
THPSHOP
Thai Selects
ภาษา
แชร์
จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถกินอาหารที่มีไขมันได้อย่างไม่ต้องกลัวเสียสุขภาพ ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงนั่นคือ “อะโวคาโด” ผลไม้น้องใหม่ไฟแรง แหล่งไขมันดีจากพืช ที่เหล่าคนรักสุขภาพหันมาบริโภคกันมากขึ้น จึงเป็นที่มาของวิธีการกินอะโวคาโดที่หลากหลาย เพื่อให้คนที่ไม่คุ้นเคยกับรสชาติของผลไม้ชนิดนี้สามารถทานได้ง่ายกว่าเดิม
อะโวคาโดมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง และหมู่เกาะเวนต์อินดีส ซึ่งได้เริ่มนำเข้ามายังประเทศไทยเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว โดยมิชชันนารีชาวอเมริกันเป็นผู้นำไปปลูกครั้งแรกที่จังหวัดน่าน สายพันธ์ุอะโวคาโดในประเทศไทยหลัก ๆ เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ไปมา โดยโครงการหลวงได้เข้าไปพัฒนาพันธุ์และให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง จึงได้เป็นกลุ่มสายพันธุ์ที่มีการส่งเสริมให้ปลูกในไทยถึง 4 สายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่
ปีเตอร์สัน (Peterson)
บัคคาเนีย (Buccaneer)
บูท 7 (Booth-7)
และพันธุ์แฮส (Hass)
ซึ่งความจริงนั้น อะโวคาโดสามารถเจริญเติบโตได้ทุกที่ แต่เป็นเพราะความต้องการในเรื่องการดูแลที่มากกว่าพืชชนิดอื่นจึงทำให้มีผลผลิตเฉพาะในบางพื้นที่นั่นเองค่ะ
ผลไม้ชนิดนี้ถูกยกย่องให้เป็น “ซูเปอร์ฟูดส์” ด้วยสรรพคุณที่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแร่ธาตุและวิตามินหลากชนิดในผลอะโวคาโด ตั้งแต่กลูตาไทโอน วิตามินซี-อี-เค โพแทสเซียม กรดโฟลิค สารลูทีน โฟเลท ไปจนถึงกรดไขมันไม่อิ่มตัว แถมยังมีจุดเด่นตรงที่ไม่มีคอเลสเตอรอล และสาร Plant sterols ที่ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลของอวัยวะภายใน ทำให้มีการพูดถึงความมหัศจรรย์ของเจ้าผลไม้ชนิดนี้ว่า ถ้าทานผลอโวคาโดในปริมาณครึ่งลูกทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน จะสามารถช่วยลดน้ำหนักและระดับคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย
“อะโวคาโด” แบบไหนที่พร้อมกิน?
วิธีการดูว่าอะโวคาโด สุกและพร้อมที่จะรับประทานหรือไม่นั้น ให้ลองดูตามข้อสังเกตดังนี้ค่ะ ถ้ามีลักษณะตามข้อสังเกตตามด้านล่าง แสดงว่าผลอะโวคาโดของคุณสุกได้ที่และพร้อมรับประทานได้ทันที
อโวคาโด ทานกับอะไรได้บ้าง?
ด้วยกลิ่นและรสสัมผัสที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงอาจทำให้ใครหลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับรสชาติแปลกใหม่ รับประทานผลอะโวคาโดได้ยาก วันนี้ ThailandPostMart เราจึงจับคู่ของที่เอาไว้ทานคู่กับอะโวคาโด้มาให้ทุกคนได้ลองทำตามกันดู เหมาะสำหรับคนที่ชอบรับประทานแบบเรียบง่าย ไม่ได้ต้องการนำมาทำเป็นเมนูอาหารใด ๆมากมาย ก็สามารถอร่อยและเอนจอยกับเนื้ออะโวคาโดไปพร้อมกับการมีสุขภาพที่ดีได้
น้ำผึ้ง เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายคนบอกว่าถ้าได้ทานคู่กับผลอะโวคาโดแล้ว รับรองว่าจะเปลี่ยนความคิดของคนที่ไม่ชอบทานอะโวคาโดทันที เพราะรสชาติและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของน้ำผึ้งนั้นเข้ากันได้ดีกับเนื้อนุ่มละมุนลิ้นของอะโวคาโด ทำให้ได้มาซึ่งความอร่อยแบบลงตัว
สำหรับใครที่ไม่ชอบรสชาติและกลิ่นของอะโวคาโด แนะนำให้ลองทานคู่กับนมข้นหวาน เพราะนอกจากจะเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว ยังทำให้รสชาติกลมกล่อม หอมและนุ่มมากยิ่งขึ้น เหมือนกับได้ทานขนมหวาน แต่ก็ควรทานในปริมาณที่พอดี เพราะนมข้นมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก อาจจะทำให้การรับประทานอะโวคาโดในครั้งนี้ส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อสุขภาพได้ค่ะ
ด้วยเนื้อครีมเนียนนุ่มของโยเกิร์ตเองและรสชาติอมเปรี้ยวนิด ๆ ทำให้ได้รสชาติที่มีมิติมากขึ้น แถมดีต่อระบบขับถ่าย ได้ประโยชน์แบบคูณสองไปเลย หรือใครที่อยากเพิ่มกราโนล่าเข้าไปก็จะดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
ถือว่าเป็นเมนูพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้จักสำหรับสลัดอะโวคาโด เนื่องจากน้ำสลัดเองมักนิยมทานคู่กับผักและผลไม้อยู่แล้ว อย่าเพิ่งส่ายหน้าให้กับเมนูนี้ไป ถ้าหากยังไม่ได้ลองเปลี่ยนสูตรน้ำสลัดดู รับรองว่าได้รสชาติที่แปลกใหม่ ไม่จำเจ และอาจทำให้กลายเป็นเมนูโปรดเมนูใหม่สำหรับทุกคนเลยก็ได้ค่ะ
แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับเป็นการผสมผสานรสชาติที่พอดี เพราะเนื้อของอะโวคาโดเองมีความมัน ๆ คล้ายกับไข่ต้มนั่นเองค่ะ การรับประทานอะโวคาโดที่โรยเกลือนิด พริกไทยหน่อย จึงสามารถช่วยเพิ่มความพิเศษ และรสชาติที่ดีมากกว่าการรับประทานอะโวคาโดอย่างเดียว แถมยังได้รสชาติที่มีความคล้ายคลึงกับไข่ทรงเครื่อง หรือถ้าเหยาะซอสเพิ่มก็อาจจะเหมือนกับรสชาติของไข่กระทะอีกด้วยค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะสำหรับสูตรการรับประทานอะโวคาโดที่พี่ไปรฯ นำมาฝากกัน ใครที่อยากลองทานก็สามารถสั่งซื้ออะโวคาโดพันธุ์แฮส เกรดเอ จากสวนมังกรอัศว หมู่บ้านชิบาโบ อ.พบพระ จ.ตาก ได้บนเว็บไซต์ ThailandPostMart ที่ https://bit.ly/3mzG5cw รับรองว่าอะโวคาโดที่ได้ มีคุณภาพสูง ไร้สารเคมี ดีต่อสุขภาพ คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา